เมือง:กวางโจว

คณะ:ธุรกิจภาษาจีน
ผู้เขียน:หวงซิ่วน่า

ฉันอยู่ประเทศจีนมาได้เกือบสามปีแล้ว.ในระยะเวลาสามปีนี้ ฉันได้เจอกับอะไรมากมายและได้ประสบการณ์ต่างๆ เพราะว่านี่เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกของฉันและไม่ใช่เป็นการมาเที่ยวแต่เป็นการมาเรียน.นับว่าเป็นโอกาสที่มีค่ามากๆสำหรับฉันที่สามารถได้มาเรียนต่อที่ประเทศจีน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะไปได้ด้วยดีแบบที่ฉันคิดไว้.


ในปีแรก,ฉันเรียนภาษาจีนอยู่ที่โรงเรียนแห่งเล็กๆแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนเอกชน ซึ่งตอนนั้นฉันยังมีเพื่อนคนนึงที่เรียนไปด้วยกัน.พอเริ่มเทอมสองนั้นฉันก็เรียนคนเดียวแล้ว ค่อนข้างเหงาเหมือนกัน.ในปีแรกนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากๆสำหรับฉัน เพราะว่าออกมาไกลบ้าน ห่างพ่อแม่ และไม่มีเพื่อน.รวมไปถึงภาษาจีนที่ยากมากๆอีกด้วย ตอนนั้นก็พูดกับตัวเองว่าเราคิดผิดหรือป่าวที่เลือกมาเรียนต่อที่ประเทศจีน.


หลังจากผ่านปีแรกไป ฉันก็เข้าเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซน คณะธุรกิจภาษาจีน.ถึงแม้ว่าปีแรกคะแนนฉันจะไม่ค่อยดีเท่าไรแต่ว่าก็ผ่านที่จะไปเรียนในปีสองได้.พอเรียนปีสองนั้นคะแนนฉันดีกว่าปีแรกเยอะมาก ภาษาจีนก็มีการพัฒนาและได้เพื่อนมาค่อนข้างเยอะ.นอกจากนั้นยังได้เพื่อนคนไทยค่อนข้่างเยอะ.ปีสองเทอมแรกนั้นฉันขยันเรียนมากๆ แบบที่ว่าไม่สนใจเรื่องอื่นทั้งนั้นและไม่ออกไปไหนกับเพื่อนๆด้วยเพราะว่าสนใจแค่อ่านหนังสือและสอบให้ได้คะแนนดี.จนได้รับทุนในที่สุดและในเทอมถัดมาฉันก็เริ่มออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆมากขึ้น.


ผ่านไปสองปี,ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่กลับเริ่มคิดว่าในสองปีสุดท้ายนั้นควรจะทำอะไรบ้างเพราะว่าถ้าจะให้ไปเรียนทุกวันและกลับมานอนที่หอแบบนี้ ฉันไม่สามารถทำได้แล้ว.ฉันเริ่มคิดได้ว่าแน่นอนว่าเรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญแต่ว่าชีวิตนอกโรงเรียนนั้นย่องสำคัญกว่า.มีวันหนึ่งฉันเห็นโครงการ LIFP ได้มีการรับสมัครงานพาร์ทไทม์ ฉันก็เลยสมัครดูและไปสัมภาษณ์ จนทางโครงการรับเข้าทำงาน.เพราะฉันคิดว่าจะได้ประสบการณ์มากมายจากที่นี่ไปแน่นอนและจะมีประโยชน์ต่องานในอนาคตของฉันอย่างแน่นอน.


อยู่จีนมาได้เกือบสามปีแล้ว,คนไทยที่มาเรียนต่อประเทศจีนนั้นก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นฉันเลยให้ข้อแนะนำกับทางนักเรียนไทยว่าควรจะปฎิบัติตัวยังไงหรือมีอะไรแนะนำบ้างถึงจะมีความสุขในการเรียนที่ประเทศจีน.
ภาษาจีนนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากที่สุดในโลก.ทำให้มีผู้คนมากมายที่สนใจอยากมาเรียนภาษาจีน แต่ตอนนี้ฉันกลับเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่กลับไม่ได้ตั้งใจมาเรียนอย่างที่คิด.พวกเราทุกคนรู้ว่าภาษาจีนนั้นเป็นภาษาที่ไม่สามารถเรียนเอาได้ง่ายๆ ดังนั้นถ้าไม่ตั้งใจเรียนก็จะถือว่าเป็นการเสียเวลาสำหรับการมาเรียนที่จีน.ฉันจำได้ว่าตอนที่มาจีนแรกๆนั้น ทุกอย่างมันยากไปหมด ดังนั้นทางเล่าซือเลยแนะนำให้ฟังคนจีนพูดมากๆและให้กล้าพูดกับคนจีนมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะผิดหรือถูก.ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ภาษาจีนของเราพัฒนาขึ้นเร็วอย่างแน่นอน.และทุกวันต้องทำการทบทวนไม่งั้นเราก็จะลืมได้ง่าย.


การที่ได้มาโอกาสไปเรียนต่อที่ประเทศจีนนั้นถือว่าเป็นโอกาสที่มีค่า.เราต้องรักษาโอกาสนั้นไว้ ไม่จำเป็นที่จะต้องคุยกับนักเรียนไทยทุกวัน เราควรที่จะพูดคุยกับนักเรียนต่างชาติหรือนักเรียนจีน.ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ภาษาจีนดีขึ้นแต่ยังเป็นการช่วยให้เราได้รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศอื่นอย่างมากขึ้นอีกด้วย.แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้พูดคุยกับคนไทยเลย.


พวกเราทุกคนต้องจำให้ได้ว่าเรามาเรียนที่ประเทศจีนนั้นเพื่ออะไร.บางคนเลือกที่จะมาเรียนต่อต่างประเทศเพราะว่าจะได้เป็นอิสระมากขึ้นและมายังเมืองที่ค่อนข้างเจริญ.บางทีฉันมีเวลาว่างก็จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง แต่จะต้องไม่กระทบกับเรื่องการเรียน.ไม่งั้นก็จะเป็นการเสียเงินพ่อแม่แบบไม่มีประโยชน์และทำให้พ่อแม่ผิดหวังอีกด้วย.


ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ห่างจากประเทศจีนมากแต่ว่าในเรื่องของการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมต่างๆนั้นกลับไม่เหมือนกันเลย.การที่เราเป็นต่างชาติในประเทศอื่นนั้นเราจะต้องทำตามวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ตามสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม.


สรุปก็คือการได้ใช้ชีวิตที่ประเทศจีนนั้นได้รับประโยชน์มากมาย,ดังนั้นจึงหวังว่านักเรียนที่สนใจมาเรียนต่อที่ประเทศจีนนั้นต้องคิดให้ดีก่อนว่าจุดประสงค์ของการมาเรียนที่จีนนั้นคืออะไร และจะทำอย่างไรให้การมาเรียนที่จีนนั้นมีประโยชน์ต่อตัวเรามากที่สุด.